กฎหมายบังคับให้ต้องจัดการความรู้
พ.อ.ชัชวาล ธรรมนิรัต
มีบางท่านสงสัยว่า “ทำไม่ รร.จปร. ต้องมีการจัดการความรู้”
หรือ “มีกฎหมายที่บังคับให้หน่วยงานหรือสถานศึกษาต้องดำเนินการจัดการความรู้หรือไม่”
ผู้เขียนขอตอบคำถามนี้ว่า “มี” ซึ่งอาจกล่าวโดยแยกเป็นสองหลักใหญ่ๆได้แก่
หลักของการประกันคุณภาพการศึกษา และหลักของการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี สรุปได้ดังนี้คือ
หลักการตามที่กำหนดในมาตรฐานของการประกันคุณภาพการศึกษามีกฎหมายที่กำหนดเรื่องการจัดการความรู้สามารถลำดับศักดิ์หรือชั้นของกฎหมายได้ดังนี้คือ
รัฐธรรมนูญฯซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดกำหนดให้มีการตรา
พ.ร.บ.การศึกษาฯ และ พ.ร.บ.การศึกษาฯกำหนดให้มี สมศ. ซึ่ง
สมศ.ได้กำหนดมาตรฐานคุณภาพไว้ 7 มาตรฐาน สำหรับมาตรฐานที่ 5
เป็นเรื่องการพัฒนาสถาบันและบุคลากร โดยได้กำหนดตัวบ่งชี้ร่วมไว้ 11 ตัวบ่งชี้ ซึ่งตัวบ่งชี้ที่ 5.2 กำหนดให้มีการพัฒนาสถาบันการศึกษาสู่องค์การแห่งการเรียนรู้
หลักตามที่กำหนดในหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดีมีกฎหมายที่กำหนดเรื่องการจัดการความรู้สามารถลำดับศักดิ์หรือชั้นของกฎหมายได้ดังนี้คือ
รัฐธรรมนูญฯซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดกำหนดให้มีการตรา
พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน
ฯ และพ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน
ฯกำหนดให้มี พ.ร.ฎ.ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดีฯอันมีบทบัญญัติให้ส่วนราชการมีหน้าที่พัฒนาความรู้ในส่วนราชการ
เพื่อให้มีลักษณะเป็นองค์การแห่งการเรียนรู้อย่างสม่ำเสมอ
กล่าวโดยสรุป การจัดการความรู้จึงเริ่มต้นจากรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดในการปกครองประเทศ
บัญญัติแยกออกเป็นสองสาย สายแรกคือสายการศึกษา ส่วนสายที่สองเป็นสายการบริหาร
โดยที่ต่างก็กำหนดให้หน่วยงานในสายงานของตนมีการพัฒนาไปสู่การเป็นองค์การแห่งการเรียนรู้ (บังคับสถาบันการศึกษา) กับให้พัฒนาเป็นองค์การแห่งการเรียนรู้อย่างสม่ำเสมอ(บังคับส่วนราชการ)
รร.จปร.เป็นหน่วยงานราชการและเป็นสถานศึกษาจึงต้องดำเนินการตามที่กฎหมายบังคับ
คือต้องพัฒนาไปสู่การเป็นองค์การแห่งการเรียนรู้ และต้องพัฒนาให้เป็นองค์การแห่งการเรียนรู้อย่างสม่ำเสมอด้วย
>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น